วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เทคนิคการบริหารเจ้านาย



ปัญหาของ “เจ้านาย” ส่วนใหญ่อยู่ที่ใจของลูกน้องมากกว่าเกิดจากตัวเจ้านาย ลองพิจารณาดูดีๆ ว่า ไม่ว่าเราจะมีเจ้านายแบบไหน เราก็ยังสามารถหา ข้อไม่ดีของเจ้านายมาบ่นได้อยู่ดี วันแรกๆที่เข้าไปทำงานกับเจ้านายคนนั้นใหม่ ทุกอย่างดูเหมือนจะสดใสไปหมด แต่พอทำงานไปสักระยะหนึ่ง รู้สึกว่าความสัมพันธ์ทางใจของลูกน้องที่มีต่อหัวหน้าเริ่มเปลี่ยนไป ทั้งๆที่หัวหน้ายังเป็นคนเดิม นิสัยเดิม เพราะใจเราเปลี่ยนไปต่างหาก
     เรามักจะหาข้อผิดมาดิสเครดิตทางใจของเจ้านาย เหมือนการแข่งกีฬาที่มีระบบการให้คะแนนแบบเต็มไว้ก่อน แล้วเมื่อทำผิดค่อยนำมาหักทีละจุดๆ เช่น ยิมนาสติกก่อนเล่นทุกคนมีคะแนนเต็มสิบ ถ้าพลาดตรงไหนก็จะถูกหักคะแนนในจุดนั้น (เหมือนรายการทำผิด อย่าเผลอ อะไรทำนองนั้น) สุดท้ายแล้วคนที่เก่งที่สุดคือคนที่ได้คะแนนเสมอตัว (ได้คะแนนเท่ากับคะแนนเต็มที่ให้ไว้) ไม่เหมือนกีฬาบางประเภท เช่น ฟุตบอลมีการนับแต้มที่ทำได้และบวกขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

     แน่นอนว่าถ้าเราให้คะแนนเจ้านายแบบยิมนาสติก ดีที่สุดคือเขาจะมีคะแนนในใจเราเพียงแค่เสมอตัว ไม่รักและไม่เกลียด แต่ถ้าเราให้คะแนนเจ้านายแบบฟุตบอล ทำดีเมื่อไหร่ใส่คะแนนบวก ถูกใจเราเมื่อไหร่ก็ใส่คะแนนบวก ถ้าคิดอย่างนี้เจ้านายทุกคนก็มีโอกาสมีกำไรบ้าง ไม่ใช่มีทางเลือกเพียง “เจ๊า” กับ “เจ๊ง” ในสายตาของลูกน้อง ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงปัญหาเจ้านายไม่ได้ เราก็มีทางเลือก คือ
ทะเลาะกับเจ้านาย


วิธีการบริหารเจ้านาย คือ

1. เซย์กู๊ดบายไปหาเจ้านายใหม่
2. ทนอยู่จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะจากไป
3. เปลี่ยนใหม่หันมาเอาใจนายดีกว่า
4. บริหารเจ้านายซะ
5. ถ้าเราไม่บริหารนาย นายจะบริหารเรา
6. เจ้านายมีหลากประเภท หลายสไตลน์
7. ถ้าบริหารนายได้ จะทำงานง่ายขึ้น
8. นายไม่มีเวลาบริหารตัวเอง เพราะมัวแต่บริหารคนอื่น
9. ถ้าเติบโต เรามีโอกาสโตตาม
10. นายคือเครื่องมือที่ทรงพลังของเรา
11. นายคือฝ่ายการตลาดของเรา
12. เพื่อความสบายใจของเราเอง
13. นายคือทางผ่านของสะพานชีวิต
14. ฝึกซ้อมก่อนที่เราจะเป็นนาย
15. จงเถียงเจ้านายเรื่องความคิดเห็น แต่อย่าเถียงเรื่องข้อเท็จจริง
16. อย่าเอาใจ แต่ต้องรู้ใจ
















 


วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คุณสมบัติการเป็นลูกน้องที่ดี

ลูกน้องที่ดี ควรมีตุณักษณะ ดังนี้



1. สร้างผลงานไม่ใช่สร้างภาพ คือ การรับผิดชอบหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ว่าเขาเห็นหรือไม่
2. ไม่ล้ำเส้นข้ามหน้าเจ้านาย
3. เป็นกระจกสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีของเจ้านาย การให้เครดิตเจ้านายเป็นสิ่งสำคัญเสมอสำหรับลูกน้องทั้งต่อหน้าและลับหลัง
4. อย่าใช้คนอื่นเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ

5. รู้หน้าต้องรู้ใจ ทำการบ้านหาข้อมูล ให้รู้จักเจ้านายในทุกแง่มุมทั้งรูปแบบการทำงาน วิสัยทัศน์ เป้าหมายในการทำงาน รวมถึงนิสัยส่วนตัว ครอบครัวและเป้าหมายชีวิตของเขาเป็นอย่างไร

คุณสมบัติที่ดีของลูกน้องที่หัวหน้าหรือนายจ้างทุกคนต้องการ

1. ทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด   ต้องรู้ว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองคืออะไร แล้วทำมันอย่างเต็มที่แล้วหรือยังให้สมกับตำแหน่งงานที่ได้รับหรือหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติให้สำเร็จลุล่วงไป
2. ทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย ไม่มีหัวหน้างานคนไหนหรอกที่ชอบลูกน้องที่ปฏิเสธงานที่มอบหมายให้ทำ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม เช่น งานยาก งานมาก งานเหนื่อย งานหนัก งานไม่ถนัด ทำไม่ได้ ทำไม่ไหว ทำไม่เป็น ไม่เคยทำมาก่อน เมื่อได้รับมอบหมายได้ทำแล้ว ต้องหาวิธีทำให้ได้ ทำไม่ได้ก็ต้องพยายาม ค้นหาวิธีการ สอบถามคนที่มีความรู้ ไม่ใช่ปฏิเสธและผลักภาระหน้าที่นี้ไปให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นทำ
3.  หมั่นเรียนรู้งานในหน้าที่  ต้องมีความขยันหาความรู้เพิ่มเติมในงานที่ทำอยู่เสมอ ความรู้ที่มีจะได้เพิ่มพูนและทันสมัยอยู่เสมอ ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
4.  มีทัศนคติเชิงบวก  หัวหน้าต้องการลูกน้องที่มีทัศนคติเชิงบวก เพราะนั่นหมายความรวมถึง เมื่อเจอปัญหา อุปสรรคใดๆในการทำงาน ลูกน้องก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและหาแนวทางแก้ไข มากกว่าจะหลีกเลี่ยงปัญหา
5.  ไม่ทำในสิ่งที่หัวหน้าไม่ชอบ  ประเด็นนี้ต้องอาศัยระยะเวลาในการสังเกตว่าหัวหน้าของเรานั้นชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เมื่อรู้แล้วก็ต้องปฏิบัติหรือหลีกเลี่ยงไม่กระทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ เช่นไม่ชอบลูกน้องขี้เกียจ เราก็ต้องขยัน ไม่ชอบลูกน้องที่มาทำงานสาย เราก็ต้องมาทำงานเช้าขึ้น ไม่ชอบลูกน้องที่จับกลุ่มนินทา เราก็ต้องไม่จับกลุ่ม ไม่ชอบลูกน้องทำงานเอาหน้า เราก็ต้องทำงานในหน้าที่รับผิดชอบไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังอย่างสม่ำเสมอ ไม่ชอบลูกน้องขาดความรอบคอบในการทำงาน เราก็ต้องเพิ่มความละเอียดถี่ถ้วนในการทำงานให้มากขึ้น
6. มีความรับผิดชอบ  หัวหน้าทุกคนชอบลูกน้องที่มีความรับผิดชอบในการทำงานของตน ในที่นี้หมายถึง ทำงานให้สำเร็จตามกำหนดเวลา หรือทำงานให้ตรงตามที่หัวหน้าสั่งงาน
7. ทำงานโดยไม่ต้องควบคุม หมายถึงรับผิดชอบในงานของตนเอง โดยที่หัวหน้าไม่ต้องมาจ้ำจี้จ้ำไชยอยู่ตลอดเวลา เพราะเราขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่
8. มีความตั้งใจในการทำงาน ทุ่มเททำงานด้วยความตั้งใจ ไม่เกียจคร้านในการทำงาน เวลางานก็คือเวลางาน ไม่จับกลุ่มนินทา เล่นเน็ต เล่นเกม แช็ตไลน์ หรือทำอะไรก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ของตนเองหรืองานที่ได้รับมอบหมาย ไม่มีหัวหน้าคนไหนหรอกครับที่ชอบลูกน้องที่เอาเวลาทำงานไปทำเรื่องส่วนตัว
9. มีความรักในงานที่ทำ หากเราทำงานด้วยความรักในเนื้องานและหน้าที่ ผลงานก็จะออกมาดีเป็นที่ถูกใจของหัวหน้า และหากเราขาดความรักในงานที่ทำแล้วละก้อ แน่นอนผลงานที่ออกมาก็จะไม่ดีเท่าที่ควร เราจึงต้องมีความรักในงานที่ทำและทำงานด้วยจิตวิญญาณ
10. สามารถแก้ปัญหาได้เอง  เมื่อเกิดปัญหาในการทำงานขึ้น เราก็ต้องคิดวิธีแก้ไขด้วยตัวเองให้ได้เสียก่อน อย่าเอาแต่อาศัยการแก้ไขปัญหาจากหัวหน้าอย่างเดียว เพราะการที่หัวหน้าจ้างเรามาทำงานนั้น ก็เพราะต้องการให้เรามาช่วยแก้ไขปัญหาให้เขา ไม่ใช่ให้หัวหน้าต้องมาคอยแก้ไขปัญหาให้เราอยู่ตลอดเวลา
11. มีความกระตือรือร้นในการทำงาน  ความกระตือรือร้นในการทำงานของเรา จะฉายเด่นชัดอยู่กับการมองเห็นของหัวหน้างาน ไม่มีหัวหน้าคนไหนที่ไม่ชอบลูกน้องที่ทำงานอย่างกระตือรือร้น
12. ขยันขันแข็งหนักเอาเบาสู้    ลูกน้องที่ไม่เกี่ยงงาน ทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายถึงแม้ว่างานนั้นจะหนักก็ไม่หวั่นไหว พร้อมที่จะทำให้สำเร็จลุล่วง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ลูกน้องแบบนี้หัวหน้ารักหมดใจเลย
13. รายงานความคืบหน้าของงานอยู่เสมอ หากหัวหน้ามอบหมางานให้เราปฏิบัติ หัวหน้าก็ย่อมปรารถนาที่จะทราบความคืบหน้าของงานว่าความสำเร็จในงานที่มอบหมายให้เรานั้นไปถึงไหนแล้ว อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำงานทวนสอบงานและหรือหากมีสิ่งใดที่ต้องการปรึกษาหารือก็ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวให้เป็นประโยชน์และหัวหน้าก็จะเห็นความ ตั้งใจทำงาน ความรอบคอบ ความรับผิดชอบในงานของเราด้วย
14. เชื่อฟังคำสั่ง อันนี้สำคัญมาก ลูกน้องที่ดีต้องเชื่อฟังคำสั่งของหัวหน้า หากไม่เชื่อฟังก็จะกลายเป็นความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นได้ง่าย แต่การเชื่อฟังไม่ได้หมายถึง ห้ามเถียง ห้ามคิดต่าง แต่คือการทำความเข้าใจในสิ่งที่หัวหน้าต้องการให้ได้ และปฏิบัติตาม แต่ถ้าเรื่องไหนที่ไม่เข้าใจหรือมีความเห็นต่างหรือมีข้อคิดดีๆมานำเสนอ ก็ต้องชี้แจงและทำความเข้าใจร่วมกัน เพราะปฏิบัติในสิ่งนั้นให้สอดคล้องตามคำสั่งหัวหน้า
15. มีความคิดสร้างสรรค์  ในการเชื่อฟังคำสั่งก็ดี ปฏิบัติตามคำสั่งก็ดี แต่การที่มีความคิดดีๆ มีความคิดสร้างสรรค์และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ก็จะเป็นการดียิ่งขึ้น ฉะนั้นการทำงานที่ดีนั้นก็ต้องคู่กับการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ด้วยมีใช่รอทำงานตามสั่งเพียงอย่างเดียว
16. มีความรู้รอบตัว  เก่งแต่งานแต่ไม่เก่งสถานการณ์รอบตัว ไม่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง เศรษฐกิจ หรือไม่สนใจความเป็นไปของสังคม แบบนี้หัวหน้างานเราก็คงไม่ปลื้มสักเท่าไรนัก
17. รักษาเวลา ตรงต่อเวลาในเรื่องของการปฏิบัติงานและเรื่องของเนื้องานคือสิ่งที่หัวหน้างานต้องการในตัวลูกน้องของเขา ลูกน้องที่ขาดวินัยในการทำงานและไม่รู้จักรักษาเวลานั้น ถือว่าเป็นลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องอย่างมากคนนึงเลยที่เดียว
18. อยู่ในกฎระเบียบ สิ่งที่หัวหน้าคาดหวังในตัวลูกน้องอย่างหนึ่งคือ การรักษากฎระเบียบของบริษัทฯหรือองค์กร ไม่ทำการฝ่าฝืน หรือสร้างความไม่เป็นระเบียบให้กับสังคมการทำงาน
19. มีความซื่อสัตย์  ไม่มีหัวหน้างานคนไหนอยากให้ลูกน้องมีความไม่ซื่อสัตย์ในการทำงาน ความซื่อสัตย์เป็นคุณสมบัติของมนุษย์ที่ดีควรต้องมี ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและผู้อื่น
**20. งานแย่ ก็สร้างความลำบากใจให้กับหัวหน้าได้เช่นกัน ฉะนั้นจงสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานไว้เสีย นอกจากจะเป็นที่รักของหัวหน้าแล้ว ยังเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานอีกด้วย
21. ให้เกียรติ คือให้เกียรติความเป็นหัวหน้าของเขา ด้วยการไม่พูดลับหลังในเรื่องที่ไม่ดี ไม่นินทาว่าร้าย (แม้บางเรื่องจะมีมูลความจริงก็ตาม) เราต้องเคารพหัวหน้าทั้งต่อหน้าและลับหลัง นอกจากจะให้เกียรติหัวหน้างานแล้ว เรายังให้เกียรติตัวเราอีกด้วย
22. ทำให้หัวหน้าอยากใช้งานเรา  จงอย่ากลัวงานหนัก อย่ากลัวงานมาก เพราะยิ่งมาก เรายิ่งได้เยอะ ๆได้ทั้งผลงาน ได้ทั้งความไว้วางใจ รวมถึงงานยากๆด้วย หากเราทำได้ เราก็จะทำให้หัวหน้าประทับใจในตัวเรา มองว่าเราเป็นคนเก่งมีความสามารถ มีคุณค่าที่ควรรักษาไว้ ฉะนั้น จงสร้างความกระตือรือร้นในการทำงาน สร้างความอยากทำงาน ทำตัวให้ขยันขันแข็ง ไม่ทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อได้รับมอบหมายงาน ไม่ว่างานจะมาก งานจะยาก นั่นจะทำให้หัวหน้าประทับใจในตัวเราและมอบหมายงานที่สำคัญๆให้เราทำ รวมไปถึงโอกาสความก้าวหน้าในงานและการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การสั่งงานของหัวหน้า

หลักการสั่งงาน
หัวหน้าต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้


   1. สั่งงานใคร ต้องแน่ใจว่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา มีความรู้ ความสามารถที่จะทำงานได้
   2. เมื่อสั่งงานต้องมีการมอบหมายอำนาจให้ตามเหมาะสม เพื่อให้สามารถทำงานได้บรรลุผลสำเร็จ
   3. มีการตรวจสอบงานอยู่เสมอ  เพื่อให้แน่ใจว่าได้มีการปฏิบัติตามคำสั่ง หากมีข้อบกพร่องจะได้แก้ไขได้ทันที
   4. กำหนดงานที่ต้องการให้ชัดเจน
   5. มีการสั่งงานกระจายไปยังผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างเสมอหน้า และเป็นธรรมอโดยไม่มีอคติ

วิธีการสั่งงานที่ดี
1. เป็นการสั่งงานโดยใช้ภาษาที่ชัดเจน ผู้รับคำสั่งสามารถเข้าใจได้ง่าย
2. ถ้อยคำ น้ำเสียง กิริยา ท่าทาง ต้องสุภาพเหมาะสม ไม่เป็นในลักษณะวางอำนาจ
3. ใช้การร้องขอ มากกว่า การบังคับ
4. เมื่อจะสั่งงานใคร ควรสั่งโดยตรงต่อคนนั้น ไม่ควรสั่งผ่านคนอื่น เพราะอาจเกิดการผิดพลาดได้
5. หากต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ ควรย้ำให้ชัดเจน
6. เปิดโอกาาสให้มีการซักถามเพิ่มเติม เพื่อความเข้าใจในคำสั่งที่ถูกต้อง โดยเ็นการสื่อสารแบบสองทาง
7. เลือกแบบวิธีสั่งงานให้ถูกต้อง เหมาะสมกับสถานการณ์


 

หลักการบริหารเบื้องต้นของหัวหน้างาน


คุณสมบัติของหัวหน้างาน มี2ประการ ได้แก่
1. รู้งานที่ตนเองต้องรับผิดชอบ
2. รู้วิธีการบริหารงาน


ลักษณะที่ดีของหัวหน้า


1. มีความเฉลียวฉลาด ทันคน อย่าให้ลูกน้องหลอกได้
2. มีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่โลเล
3. เด็ดเดี่ยวในการบริหารงาน
4. มีกำลังใจสูง
5. เรียนรู้ได้เร็ว
6. มีความรอบรู้หลายๆด้าน
7. มีความกระตือรือร้น
8. สุภาพ เป็นมิตร มีความเมตตากรุณา และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
9. มีความซื่อสัตย์ มั่นคง และเที่ยงธรรม
10. สอน และแนะนำผู้อื่นได้
11. มีความศรัทธาต่องาน และผู้ร่วมงาน
ลักษณะที่หัวหน้าควรหลีกเลี่ยง
1. ความเป็นคนเจ้าอารมณ์ เช่น หงุดหงิด ฉุนเฉียว อิจฉาริษยา
2.หลงและหวงอำนาจ
3.มีความกลัวต่างๆ นานา จนไม่กล้าปฏิบัติงาน
4. มีปมด้อย
5. ขาดเหตุผล
6. หูเบา
7. วางตัวใหญ่เกินควร
8.ขาดความเที่ยงธรรม
9. ชอบใช้อำนาจลงโทษ ไม่ชอบให้ใครใช้ความเห็นโต้แย้ง



วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล



การบริหารงานบุคคล  หมายถึง กระบวนการที่ผู้บริหารใช้ศิลปะ และกลยุทธ์ต่างๆพิจรณาบุคคลที่อยู่ในสังคม เพื่อดำเนินการพิจรณาสรรหา คัดเลือกและบรรจุบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ามาอยู่ในองค์การ นอกจากความหมายการบริหารงานบุคคลดังกล่าวแล้ว ยังมีนักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านการให้ความหมาย เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลไว้คล้ายคลึงกัน เช่น
     สมพงศ์ เกษมสิน กล่าวว่า การบริหารงานบุคคล เป็นการจัดงานเกี่ยวกับบุคคล นับตั้งแต่การสรรหาบุคคลเขามาทำงาน การดูแล บำรุงรักษา จนกระทั่งพ้นไปจากการทำงาน
     Edwin Flippo ได้กล่าวถึงความหมายการบริหารงานบุคคล  คือ การวาแผน (Planning) การจัดองค์การ(Organizing) การอำนวยการ(Directing) 
 การจัดหา(Procurement) การพัฒนา(Development) การจ่ายค่าตอบแทน(Compensation) การรวมพลัง(Integration) การธำรงรักษา(Maintenance) การพ้นจากการทำงาน(Seperation) ของทรัพยากรบุคคลในองค์การ เพื่อให้การดำเนินงานในองค์การบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
     งานสำคัญ 2ประการในการบริหารงานบุคคล คือ
        1. งานในหน้าที่บริหาร (Management Function) ประกอบด้วย
            1.1 การวางแผน (Planning) 
            1.2 การจัดองค์การ (Organizing)
            1.3 การอำนวยการ (Directing)   หรือ การสั่งการ (Leading)
            1.4 การควบคุม (Controlling)
        2. งานในหน้าที่ปฏิบัติงาน (Operative Functions) ประกอบด้วย
            2.1 การจัดหา (Procurement)
            2.2 การพัฒนา (Development)
            2.3 การจ่ายค่าตอบแทน(Compensation)
            2.4 การรวมพลัง (Integration)
            2.5 การธำรงรักษา (Maintenance)
            2.6 การพ้นจากการทำงาน (Seperation)
            2.7 การบันทึก รายงาน สถิติฝ่ายุคคล (Personnel records/reports)
ความสำคัญของการบริหารงานบุคคล สรุปเป็นข้อๆ ดังนี้
1. ช่วยพัฒนาให้องค์การเจริญเติบโต
2. ช่วยให้บุคคลที่ปฏิบัติงานในองค์การมีขวัญกำลังใจนการปฏิบัติงาน
3.ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให่แก่สังคม และประเทศชาติ
วัตถุประสงค์ในการบริหารงานบุคคล สรุปเป็นข้อๆ ดังนี้
1. สนองความต้องการทางสังคม
2. ตระหนักถึงความคาดหวังทางด้านการบริหารหรือการจัดการ
3. สนองความต้องการของผู้ปฏิบัติงาน
  

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาชีพผู้จัดการ

นิยามอาชีพ
     ผู้ปฏิบัติงานผู้จัดการฝ่ายบุคคล (Personnel-Manager) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การสรรหาบุคลากร การจัดจ้าง บุคลากรการแรงงานสัมพันธ์ การพัฒนาบุคลากร การเลื่อนขั้น การจัดสวัสดิการ การจ่ายเงินชดเชย หรือบำเหน็จบำนาญปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และหรือระบบการบริหารงานบุคคลในองค์กรให้สอดคล้องกัน ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานขององค์กรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยรวมขององค์กร